พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2542
มาตรา 4 การศึกษา หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้ เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคล และสังคม
โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสรรค์สร้าง
จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้ อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม
สังคม การเรียนรู้ และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต
·
การศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่า การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา
·
การศึกษาตลอดชีวิต หมายความว่า การศึกษาอันเกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบนอกระบบ และ ตามอัธยาศัย เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
·
การประกันคุณภาพภายใน หมายความว่า การประเมินผล
และการติดตามตรวจสอบคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรในสถานศึกษา /
หน่วยงานต้นสังกัด
·
การประกันคุณภาพภายนอก หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยสำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพทางการศึกษา ( สมศ )
·
ผู้สอน หมายความว่า ครู และคณาจารย์ในสถานศึกษาต่าง ๆ
·
ครู หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ซึ่งที่มีหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอน และการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน ในสถานศึกษา ทั้งรัฐ
และเอกชน
·
คณาจารย์ หมายความว่า บุคลากร ซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอน และการวิจัย ในสถานศึกษา ระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐ/เอกชน(ข้อสังเกต ไม่มีคำว่า วิชาชีพ/การเรียน/การส่งเสริม)
·
ผู้บริหารสถานศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษา
ทั้งรัฐ และเอกชน
·
ผู้บริหารการศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษา
นอกสถานศึกษา ตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
·
บุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งทำหน้าที่ในการให้บริการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2542 มี 9 หมวด
78 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
หมวดที่ 1 บททั่วไป ความมุ่งหมาย และหลักการ ( มาตรา 1 – 9
)
มาตรา 6
การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทย
ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ
สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต
สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
มาตรา 8 หลักการจัดการศึกษา มีองค์ประกอบ
ดังนี้
1.
เป็นการศึกษาตลอดชีวิต
สำหรับประชาชน
2.
ให้สังคมมีส่วนร่วม
ในการจัดการศึกษา
3.
การพัฒนาสาระ
และกระบวนการเรียนรู้ ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
หมวดที่ 2 สิทธิ
และหน้าที่ทางการศึกษา ( มาตรา 10 – 14 )
มาตรา 10
การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิ
และโอกาสเสมอกัน ในการรับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน
ไม่น้อยกว่า 12 ปี ที่รัฐต้องจัดให้ อย่างทั่วถึง
มีคุณภาพ และไม่เก็บค่าใช้จ่าย
·
การศึกษาสำหรับคนพิการ รัฐต้องจัดให้ตั้งแต่แรกเกิด
หรือพบความพิการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย มีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก
สื่อ บริการ และความช่วยเหลือ
·
บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ รัฐต้องจัดด้วยรูปแบบที่เหมาะสม
โดยคำนึงถึงความสามารถของบุคคล ( ความแตกต่างระหว่างบุคคล )
มาตรา 13
บิดามารดา หรือผู้ปกครอง มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ (
การศึกษาตามอัธยาศัย )
1.
การสนับสนุนจากรัฐ
ให้มีความรู้ ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และการศึกษาบุตร
2.
เงินอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
3.
การลดหย่อน
หรือยกเว้นภาษี สำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา
มาตรา 14
บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ
สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และอื่น ๆ มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์
( การศึกษาตามอัธยาศัย )
1.
การสนับสนุนจากรัฐ
ให้มีความรู้ ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และการศึกษาบุตร
2.
เงินอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
3.
การลดหย่อน
หรือยกเว้นภาษี สำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา
หมวดที่ 3 ระบบการศึกษา (
มาตรา 15 – 21 )
มาตรา 15 ระบบการศึกษา มี 3 ระบบ
1.
การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย
วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลา
ของการศึกษา
การวัดผล และประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่ แน่นอน
2.
การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย
วิธีการ
ศึกษา หลักสูตร
ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขการสำเร็จการศึกษา
3.
การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ตามความสนใจ
มาตราที่ 16 การศึกษาในระบบ มี 2 ระดับ คือ
1.
การศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดให้ไม่น้อยกว่า 12
ปี ก่อนอุดมศึกษา
2.
การศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับต่ำกว่าปริญญา
และระดับปริญญา
มาตรา 17 การศึกษาขั้นบังคับ จำนวน
9 ปี โดยเด็กอายุย่างเข้าปีที่ 7 เข้าเรียนในสถานศึกษา
ขั้นพื้นฐาน
จนอายุย่างเข้าปีที่ 16 เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่ 9 ของการศึกษาภาคบังคับ
มาตรา 18 การจัดการศึกษาปฐมวัย
และการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้จัดในสถานศึกษา ดังนี้
1.
สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เช่น ศูนย์เด็กเล็ก
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
2.
โรงเรียน เช่น โรงเรียนรัฐ / เอกชน
3.
ศูนย์การเรียน
หมวด 4
แนวการจัดการศึกษา (มาตรา 22 –
30) เป็นหัวใจของ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ
มาตรา 22 การจัดการศึกษายึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้
และพัฒนาตนเองได้ และถือว่า ผู้เรียนสำคัญที่สุด
กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ
และเต็มตามศักยภาพ
มาตราที่ 23 จุดเน้นในการจัดการศึกษา
( ทั้ง 3 ระบบ )
1.
ความรู้ คุณธรรม 3. กระบวนการเรียนรู้ 4. บูรณาการ ตามความเหมาะสม ดังนี้
·
ความรู้เกี่ยวกับตนเอง
และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม รวมถึงประวัติความเป็นมาของสังคมไทย
และระบอบการปกครอง
·
ความรู้
และทักษะด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
·
ความรู้เกี่ยวกับศาสนา
ศิลปะวัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทยและการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา
·
ความรู้
และทักษะด้านคณิตศาสตร์ และด้านภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง
·
ความรู้
และทักษะในการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
มาตรา 25
รัฐส่งเสริมการจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต
มาตรา 26
ให้สถานศึกษาจัดประเมินผู้เรียน ควบคู่กับกระบวนการเรียนการสอน ( โดยถือว่า
การประเมินผล เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการศึกษา
และเป็นหน้าที่ของสถานศึกษา )
มาตรา 27 คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนด หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาตรา 30
สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ
ส่งเสริมผู้สอนให้
สามารถวิจัย
เพื่อพัฒนาผู้เรียน
หมวด 5
การบริหาร และการจัดการศึกษา ( มาตรา 31 – 46 )
ส่วนที่ 1 การบริหาร
และการจัดการศึกษาของรัฐ
มาตรา 32
การจัดระเบียบบริหารราชการในกระทรวง ที่เป็นองค์กรหลักที่เป็นคณะบุคคลในรูปสภา
จำนวน 4 องค์กร
คือ ( ข้อสอบแน่ ๆ )
1.
สภาการศึกษา มีหน้าที่
·
พิจารณา
เสนอแผนการศึกษาแห่งชาติ กับการศึกษาทุกระดับ
·
พิจารณาเสนอนโยบาย
แผน และมาตรฐานการศึกษา
·
พิจารณาเสนอนโยบาย
และแผน ในการสนับสนุนทรัพยากร เพื่อการศึกษา
·
ดำเนินการประเมินผลการจัดการศึกษา
·
ให้ความเห็น
และคำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมาย และกฎกระทรวง
·
คณะกรรมการสภาการศึกษา ( จำนวน
59 คน )ประกอบด้วย ( ข้อสอบ )
·
ประธานกรรมการ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
·
กรรมการโดยตำแหน่ง
·
ผู้แทนองค์กรเอกชน
·
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
·
ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ
·
ผู้แทนคณะสงฆ์
·
ผู้แทนศาสนาอิสลาม
·
ผู้แทนศาสนาอื่น
·
ผู้ทรงคุณวุฒิ
ไม่น้อยกว่ากรรมการประเภทอื่นรวมกัน
( 30 คน )
·
เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ (
เป็นนิติบุคคล )
2.
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหน้าที่ พิจารณา
เสนอแผนพัฒนามาตรฐาน และ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษาแห่งชาติ การสนับสนุนทรัพยากร การติดตาม ตรวจสอบ
และประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( ข้อสอบ
)
·
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย
( ข้อสอบออกแน่ ๆ )
·
กรรมการโดยตำแหน่ง
( ปลัดกระทรวง / เลขาฯ สภา / เลขาฯ อุดมศึกษา /
เลขาฯ อาชีวศึกษา / เลขาฯ คุรุสภา / ผอ.สำนักงบประมาณ / ผอ.สำนักสอนวิทย์ และเทคโนฯ / ผอ.สำนักรับรองมาตรฐานและประกันคุณภาพ)
·
ผู้แทนองค์กรเอกชน
·
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
·
ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ( ไม่มีผู้แทนศาสนา )
·
ผู้ทรงคุณวุฒิ
ไม่น้อยกว่ากรรมการประเภทอื่นรวมกัน ( 12
คน และผู้แทนพระ 1 รูป )
·
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เป็นกรรมการ และเลขานุการ ( เป็นนิติบุคคล )
·
คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ( ลักษณะคล้ายกันกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
)
·
คณะกรรมการการอุดมศึกษา ( ลักษณะคล้ายกันกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
)
มาตรา 37 การบริหาร
และการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษา โดยคำนึงถึง
1.
ปริมาณสถานศึกษา
2.
จำนวนประชากร
3.
วัฒนธรรม
4.
ความเหมาะสมด้านอื่น
ๆ ( ข้อสอบออกแน่ ๆ )
·
รัฐมนตรีกระทรวง โดยคำแนะนะของ สภาการศึกษา มีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดเขตพื้นที่การศึกษา ( ข้อสอบ
)
มาตรา 38 คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา มีอำนาจในการ กำกับ ดูแล จัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษา ( ข้อสอบออกแน่ ๆ )
·
คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา ( จำนวน
15 คน )ประกอบด้วย
·
ผู้แทนองค์กรชุมชน
·
ผู้แทนองค์กรเอกชน
·
ผู้แทนองค์กรส่วนท้องถิ่น
·
ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครู
·
ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพบริหารการศึกษา
·
ผู้แทนสมาคมผู้ปกครอง
และครู
·
ผู้ทรงคุณวุฒิ
·
ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ
·
คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย
·
ผู้แทนผู้ปกครอง
·
ผู้แทนครู
·
ผู้แทนองค์กรชุมชน
·
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
·
ผู้แทนศิษย์เก่า
·
ผู้แทนพระภิกษุ/องค์กรศาสนาอื่น
·
ผู้ทรงคุณวุฒิ
·
ผู้บริหารสถานศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ
ส่วนที่ 2 การบริหาร
และการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มาตรา 41 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มีสิทธิจัดการศึกษาได้ทุกระดับ
ส่วนที่ 3 การบริหาร
และการจัดการศึกษาของเอกชน
มาตรา 44 สถานศึกษาเอกชน เป็น
นิติบุคคล
·
คณะกรรมการสถานศึกษาเอกชน ประกอบด้วย
·
ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน
·
ผู้รับใบอนุญาต
·
ผู้แทนผู้ปกครอง
·
ผู้แทนองค์กรชุมชน
·
ผู้แทนครู
·
ผู้แทนศิษย์เก่า ( ไม่มีผู้แทน องค์กรส่วนท้องถิ่น และ ศาสนา )
·
ผู้ทรงคุณวุฒิ
มาตรา 45 สถานศึกษาเอกชน
มีสิทธิจัดการศึกษาได้ทุกระดับ
หมวดที่ 6 มาตรฐาน
และการประกันคุณภาพทางการศึกษา ( มาตรา 47 – 51
)
มาตรา 47
ให้มีระบบประกันคุณภาพทางการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพ
และมาตรฐานการศึกษา
ทุกระดับ ประกอบด้วย
ระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก
มาตรา 48
ให้หน่วยงานต้นสังกัด และสถานศึกษา จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน โดยให้ถือว่า การประกันคุณภาพภายใน
·
เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษา
·
ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
·
จัดทำรายงานประจำปีเสนอหน่วยงานต้นสังกัด
/ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
·
เปิดเผยต่อสาธารณชน
มาตรา 49
ให้มี สำนักงานรับรองมาตรฐาน
และประเมินคุณภาพทางการศึกษา มีฐานะเป็น
องค์กรมหาชน มีหน้าที่พัฒนาเกณฑ์
วิธีการ และทำการประเมินคุณภาพภายนอก เพื่อตรวจสอบ
คุณภาพ ของสถานศึกษา อย่างน้อย 1
ครั้ง ในทุก 5 ปี
นับแต่ประเมินครั้งสุดท้าย และเสนอผลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และสาธารณชน
มาตรา 51 กรณีผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษา ไม่ได้มาตรฐานให้ สมศ. จัดทำข้อเสนอแนะ การปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้สถานศึกษาปรับปรุงแก้ไขภายในเวลาที่กำหนด หากไม่ดำเนินการให้รายงานต่อคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
หมวดที่ 7 ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
( มาตรา 52 – 57 )
มาตรา 53
ให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา
มีฐานะเป็นองค์กรอิสระภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพ มีอำนาจ ( ทำให้เกิด พ.ร.บ.สภาครู ฯ )
·
กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ
/ ออก และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กำกับดูแลการ
ปฏิบัติตามมาตรฐาน
และจรรยาบรรณของวิชาชีพ / พัฒนาวิชาชีพ
·
ครู
ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ทั้งของรัฐ และเอกชน
ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ยกเว้น
·
บุคลากรที่จัดการศึกษา
ตามอัธยาศัย
·
ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตการศึกษา
·
วิทยากรพิเศษทางการศึกษา
·
คณาจารย์
ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ในระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญา
หมวดที่ 8 ทรัพยากร
และการลงทุน เพื่อการศึกษา ( มาตรา 58 – 62 )
มาตรา 59 บรรดาอสังหาริมทรัพย์ของสถานศึกษาของรัฐ ที่เป็นนิติบุคคลได้มา
โดยมีผู้อุทิศให้หรือซื้อ แลกเปลี่ยนจากรายได้ของสถานศึกษาไม่ถือเป็นที่ราชพัสดุ
ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสถานศึกษา ( ข้อสอบ
)
·
บรรดารายได้
และผลประโยชน์ต่าง ๆ ไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง
ให้จัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาได้
หมวดที่ 9 เทคโนโลยี
เพื่อการศึกษา ( มาตรา 63 – 69 )
มาตรา 63
รัฐต้องจัดคลื่นความถี่ สื่อตัวนำ
โครงสร้างพื้นฐานอื่น ที่จำเป็นต่อการส่งวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์
เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการศึกษา
มาตรา 64
รัฐส่งเสริม และสนับสนุนการผลิต และพัฒนาแบบเรียน
โดนเปิดให้มีการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม
บทเฉพาะกาล ( มาตรา 70 – 78 )
มาตรา 70 บรรดา กฎหมาย กฎ ระเบียบ
ข้อบังคับที่ใช้บังคับอยู่
ให้ใช้ต่อไป แต่ไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่ พ.ร.บ. บี้
บังคับใช้ ( ข้อสอบ )
มาตรา 71 กระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานทางการศึกษา
และสถานศึกษา ที่มีอยู่ในวันที่ พ.ร.บ.บังคับใช้
ให้ใช้ต่อไป แต่ไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ พ.ร.บ. บี้ บังคับใช้
มาตรา 72
ห้ามมิให้ใช้ มาตรา 10 ( การศึกษาพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี ) มาบังคับใช้
จนกว่าจะมีการดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. แต่ต้องไม่เกิน
5 ปี นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญบังคับใช้
·
ภายใน
6 ปี นับแต่วันที่ พ.ร.บ.นี้บังคับใช้ ให้มีการประเมินภายนอกทุกแห่ง ( 2548
)
มาตรา 75 ให้จัดตั้งสำนักงานปฏิรูปทางการศึกษา เป็น องค์กรมหาชนเฉพาะกิจมาตรา 76 คณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษา จำนวน
9 คน
มีวาระดำรงตำแหน่งวาระเดียว
3 ปี เมื่อครบแล้วยุบตำแหน่ง และสำนักงาน