การเรียนการสอนตามแนวคิดการสร้างความรู้ด้วยตนเอง


การเรียนการสอนตามแนวคิดการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
            การเรียนรู้แบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Constructivist Methods : CLM) มีพื้นฐานแพง ผู้เรียนแต่ละคนจะเรียนรู้ได้ดีที่สุด ก็ต่อเมื่อได้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้แบบสร้างอง ด้วยตนเอง จะให้โอกาสผู้เรียนในการสร้างองค์ความรู้จากความรู้ที่มาก่อน เพื่อนําไปสู่การสร้าง ใหม่และความเข้าใจจากประสบการณ์จริง การเรียนรู้จากวิธีการนี้ ผู้เรียนจะได้รับการส่งเสริม ความเป็นไปได้ คิดวิธีแก้ปัญหา ทดสอบแนวคิดใหม่ๆ การร่วมมือกับผู้อื่น การคิดทบทวนท้ายที่สุดวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดที่ตนเองคิดค้นขึ้น การเรียนรู้แบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เชื่อว่า ความรู้นั้นเป็นเรื่องเฉพาะของแต่ละคนและสิ่งแวดล้อม
            การเรียนรู้แบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองเป็นการเรียนรู้แนวคิดในการจัดการศึกษาตามทฤษฎีพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) ซึ่งระบุจุดประสงค์ (The 3 ระดับความรู้ (Level of Knowledge) และการให้แรงเสริม (Reinforcement) เป็นแนวคิดในการ มาที่เน้นทฤษฎีความรู้ความคิด (Cognitive theory) ที่ว่าผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ของตนเอง 1 their own knowledge) จากการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม (Gagnon & Collav 2001 ซึ่งเป็น
ประสบการณ์และระเบียบแบบแผนทางความคิดของผู้เรียนแต่ละคน การเรียนรู้ตามแนวคอนตรัคติ เตรียมผู้เรียนให้สามารถแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ที่คลุมเครือ ทฤษฎีการเรียนรู้แบบคอนตรัคติวิสท์ - รักษากระบวนการเรียนรู้ด้วยการกระทําของตนเอง เมื่อเกิดปัญหาหรือความขัดแย้งทางปัญญาขึ้นบุคคลจะใช้โครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่เดิมทำปฎิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมหรือเพื่อนๆที่อยู่รอบข้างความขัดแย้งทางปัญญา ซึ่งนำไปสู่การสร้างโครงสร้างใหม่ทางปัญญาต่อไป
การจัดการเรียนรู้แบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
การเรียนรู้แบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Constructivist Methods : CLM) เชื่อว่า ความรู้นั้นเป็น เรื่องเฉพาะของแต่ละคนและสิ่งแวดล้อม ผู้เรียนแต่ละคนจะเรียนรู้ได้ดีที่สุด เมื่อได้สร้างองค์ความรู้ด้วย ตนเอง จะให้โอกาสผู้เรียนในการสร้างองค์ความรู้จากความรู้ที่มาก่อน เพื่อนําไปสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ และความเข้าใจจากประสบการณ์จริง ในการเรียนรู้ผู้เรียนจะได้รับการส่งเสริมให้สํารวจถึงความเป็นไปได้ วิธีคิดแก้ปัญหา ทดสอบแนวคิดใหม่ๆ การร่วมมือกับผู้อื่น การคิดทบทวนปัญหา และท้ายที่สุดคือเสนอวิธี แก้ปัญหาที่ดีที่สุดที่ตนเองคิดค้นขึ้น
ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากการสร้างความต่อเนื่องระหว่างข้อมูลสนเทศใหม่กับความรู้เดิม การเรียนรู้ บนผลของการผลิตหรือสร้างสรรค์ทางปัญญา มนุษย์จะเรียนรู้ได้อย่างดีที่สุด ถ้าหากได้ลงมือสร้าง ความหมายหรือความเข้าใจของตนด้วยตนเอง การเรียนรู้เกิดขึ้น เมื่อผู้เรียนสร้างโครงสร้างความรู้หรือความ โจอย่างแข็งขันและมีเจตนามุ่งมั่นชัดเจน โดยผู้เรียนจะสลายความขัดแย้ง (Conflict Resolution) หรือความ
นของแนวคิดหรือข้อมูลต่าง ๆ โดยการพินิจพิเคราะห์คําอธิบายหรือเหตุผลเชิงทฤษฎี มนุษย์สร้างเอก นของตนเองขึ้นจากประสบการณ์จริงในเวลานั้น และโครงสร้างความรู้เดิมที่อยู่ในรูป Schema มนุ: Perma ในการตีความหรือสร้างความหมายให้กับประสบการณ์หรือข้อมูลใหม่ เมื่อมีการเรียนรู้เกิดขึ้น จะ การปรับ Sehern ให้มีความครอน - ปรับ Schema ให้มีความครอบคลุม และมีประสิทธิภาพในการตีความที่สูงขึ้นราคาไม่เข้ากันของแนวคิดหรือข้อมูลต่าง ๆ
            ในเรื่องกระบวนการเรียนการสอนผู้เรียนมีความสำคัญในฐานะผู้ที่จะต้องมีปฎิสัมพันธ์กับวัตถุหรือ ปรากกฎการณ์ โดยการสังเกต การวัดหรือประมาณการ การตีความ หรือการกระทำ เพื่อให้เกิดความเข้าใจร้างความคิดรวบยอดต่อสิ่งเหล่านั้น ผู้เรียนเป็นผู้สร้างแนวทางแก้ปัญหาของตนเอง ดังนั้นจึงเห็นคุณค่าของความคิดริเริ่ม ความเป็นอิสระในความคิด
           
            เมอร์ฟี่ Murphy (1997 : Online) รวบรวมแนวคิดของนักการศึกษาต่าง ๆ ในการจัดการเรียน สอนตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสท์ สรุปได้ดังนี้
            1. กระตุ้นให้ผู้เรียนใช้มุมมองที่หลากหลายในการนําเสนอความหมายของมโนทัศน์
            2. ผู้เรียนเป็นผู้กําหนดเป้าหมายและจุดมุ่งหมายการเรียนของตนเองหรือจุดมุ่งหมายของ เรียนการสอนเกิดจากการเจรจาต่อรองระหว่างผู้เรียนกับครูผู้สอน
            3. ครูผู้สอนแสดงบทบาทเป็นผู้ชี้แนะ ผู้กํากับ ผู้ฝึกฝน ผู้อํานวยความสะดวกในการเรียนการสอน
            4. จัดบริบทของการเรียน เช่น กิจกรรม โอกาส เครื่องมือ สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริม และการกํากับและรับรู้เกี่ยวกับตนเอง
            5. ผู้เรียนมีบทบาทสําคัญ ในการสร้างความรู้และกํากับการเรียนรู้ของตนเอง
            6. จัดสถานการณ์การเรียน สภาพแวดล้อม ทักษะ เนื้อหาและงานที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนตามสภาพจริง
            7. ใช้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิเพื่อยืนยันสภาพการณ์ที่เป็นจริง
            8. ส่งเสริมการสร้างความรู้ด้วยตนเอง ด้วยการเจรจาต่อรองทางสังคมและการเรียนการสอน
            9. พิจารณาความรู้เดิม ความเชื่อและทัศนคติของนักเรียนประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
            10. ส่งเสริมการแก้ปัญหา ทักษะการคิดระดับสูงและความเข้าใจเรื่องที่เรียน
            11. นําความผิดพลาด ความเชื่อที่ไม่ถูกต้องของนักเรียนมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้
            12. ส่งเสริมให้นักเรียนค้นหาความรู้อย่างอิสระ วางแผนและการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ของตนเอง
            13. ให้นักเเรียนได้เรียนรู้งานที่ซับซ้อน ทักษะและความรู้ที่จําเป็นจากการลงมือปฏิบัติด้วย
            14. ส่งเสริมให้นักเรียนสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมโนทัศน์ของเรื่องที่เรียน
            15. อํานวยความสะดวกในการเรียนรู้ของนักเรียน โดยให้คําแนะนําหรือให้ทํางานร่วมกับผู้อื่น
            16. วัดผลการเรียนรู้ของนักเรียนตามสภาพที่เป็นจริงขณะดําเนินกิจกรรมการเรียนการสอนจาก
แนวคิดของนักการศึกษาดังกล่าว
สรุปคุณลักษณะของทฤษฎีคอนสตรัคติวิสท์ มีดังนี้
            1. ผู้เรียนสร้างความรู้ ความเข้าใจในสิ่งที่เรียนรู้ด้วยตนเอง วิธีการก
            2. การเรียนรู้สิ่งใหม่ขึ้นกับความรู้เดิมและความเข้าใจที่มีอยู่ในปัจจุบัน
            3. การมีปฏิสัมพันธ์ต่อสังคมมีความสําคัญต่อการเรียนรู้
            4. การจัดสิ่งแวดล้อม กิจกรรมที่คล้ายคลึงกับชีวิตจริงทําให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมี
ความหมาย
            1. แนวคิดคอนสตรัคติวิสท์ แบบกระบวนการทางสมองในการประมวลผล (2 Sing approach) หรือแนวคิดแบบการประมวลผลข้อมูลนั้น ใช้พื้นฐานที่ว่านักเรียนเรียน
จะเรียนจากครูหรือการได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ โดยการประมวลผลของ
processing approach) หรือแนวคิดแบบความจริง ไม่ว่าจะเรียนจากครูโดยการประมวลผลข้อมูลนี้ใช้หลักว่า
มีความจริงที่เป็นที่สามารถวัดและทําเป็นแบบได้ ตามหลักปรัชญาของพอสิทิวิสต์
            2. แนวคิดอินเตอร์เอกทีฟคอนสตรัคติวิสท์ (interactive constructiV1st approach) แนวคิดแบบโซซัลคัน สตวิกสต์ เป็นมุมมองที่ว่านักเรียนสร้างความรู้และเรียนรู้เมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับ จับต้องได้และผู้คนรอบข้าง
            3. แนวคิดคอนสตรัคติวิสท์เชิงสังคม (social constructivist approach) แนวคิดแบบโยน สตรักติวิสต์ แนวคิดนี้ใช้หลักการว่าความรู้เกิดขึ้นในระดับชุมชนเมื่อผู้คนที่อยู่ในชุมชนนั้นมีปฏิสัมพัน
            4. แนวคิดเรดิคอลคอนสตรัคติวิสท์ (radical constructivist approach) แนวคิดแบบแรง สตรัคติวิสต์ แนวคิดนี้เชื่อว่าความคิดมาหมายหลากหลายล้วนแต่มีทางที่จะเป็นจริงได้ แนวคิดนี้จึงบอกว่าไม่มีความคิดใดเป็นจริง
แนวคิดคอนสตรัคติวิสท์ ทั้ง 4 แนวคิด มีข้อตกลงเบื้องต้นที่อยู่ภายใต้ทฤษฎีคอนสตรัคติ เหมือนกัน สรุปได้ 3 ประการคือ
            1. การเรียนรู้ เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในตัวบุคคล ผู้เรียนเป็นผู้รับผิดชอบการเรียน ตน ไม่มีบุคคลใดสามารถเรียนรู้แทนกันได้
            2. ความรู้ ความเข้าใจและความเชื่อที่มีอยู่เดิมส่งผลต่อการเรียนรู้
            3. ความขัดแย้งทางความคิดเอื้ออํานวยให้บุคคลเกิดการเรียนรู้ เพื่อลดความขัดแย้งทางความคิด
            ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสท์ แสดงให้เห็นจุดเปลี่ยนทางด้านการศึกษา กล่าวคือ เปลี่ยนจากรูป การศึกษาที่อยู่บนพื้นฐานตามทฤษฎีพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) ซึ่งเน้นในเรื่องเชาว์ปัญญา (Intel จุดประสงค์(Domains of objective) ระดับความรู้ (Level of Knowledge) และการให้แรงเสริม (Reinforce มาเป็นรูปแบบการจัดการศึกษาที่เน้นทฤษฎีความรู้ความคิด (Cognitive theory) ซึ่งเป็นพื้นฐานสําคัญ เรียนรู้ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสท์ (Constructivist learning) ที่มีความเชื่อที่ว่าผู้เรียนสามาร ความรู้ของตนเอง (Construct their own knowledge) จากการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม (Gagnon 6 2001:1)
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนรู้ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสท์
            1. ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ เมื่อทํากิจกรรมการเรียนรู้
            2. ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้เกี่ยวกับสัญลักษณ์ หรือสร้างความหมาย เมื่อ กิจกรรม
            3. ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้เกี่ยวกับสังคม เมื่อต้องการนําความหมายที่ตนเอง ปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
การเรียนรู้แบบสร้างความรู้ด้วยตนเองสรุปได้ 3 ขั้น
            1. การทําความรู้ที่มีอยู่ให้กระจ่างแจ้ง
            2. การระบุ การได้รับและการเข้าใจข้อมูลใหม่
             3. การยืนยันความถูกต้องและการใช้ข้อมูลใหม่
ขั้นตอนที่ 1 การทําความรู้ที่มีอยู่ให้กระจ่างแจ้ง
ผู้เรียนแต่ละคนต่างมีความคิดดั้งเดิมและมีความจําเป็นที่จะต้องเลือกหรือปรับเปลี่ยนมโน วัน แนวคิดดังกล่าว ความคิดของผู้เรียนนั้นท้าทายความรู้ทางวิชาการที่ถูกต้อง ชักชวนให้ผู้เรียนเปลี่ยน แนวคิดและยอมรับความรู้ทางวิชาการที่ถูกต้อง
กลวิธีสําหรับขั้นตอนที่ 1
            สัมภาษณ์หรืออภิปรายกลุ่ม
 แบ่งกลุ่มข้อมูลหรือจําแนกข้อมูล
แบ่งกลุ่มข้อมูล เรียงลําดับข้อมูลตามลักษณะบางประการ (เช่น มวลสาร)
จําแนกข้อมูล จัดกลุ่มวัตถุโดยใช้ลักษะทางคุณภาพหรือปริมาณ (สี รูปร่าง ขนาด)
แผนที่ความคิดหรือแผนผังมโนทัศน์ ระดมสมองที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหลัก
ขั้นตอนที่ 2 การระบุ การได้รับและการเข้าใจข้อมูลใหม่
            การวางแผนแบบร่วมกัน : การวางแผนเครื่องมือที่สร้างแรงจูงใจที่เข้มแข็ง ผู้เรียนได้รับ ข้อมูลว่าจะต้องเรียนรู้อะไรจากหัวข้อบ้าง อภิปรายเป็นกลุ่มเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องเรียนรู้ ให้ขอบข่าย สาระสําคัญในเรื่องที่เรียนรู้
กลวิธีสําหรับขั้นตอนที่ 2
นักจัดการขั้นสูง (advance organizers) ข้อมูลใหม่เชื่อมโยงเข้ากับความรู้เก่าที่มีอยู่แล้ว ได้อย่างไร
            อภิปัญญา (meta-cognition) ผู้เรียนกํากับติดตามการเรียนรู้ด้วยตนเอง ผู้เรียนเป็นผู้นําใน การเรียนรู้ด้วยตนเอง
            เทคนิควิทยาศาสตร์ (techno-sciencing) ใช้กิจกรรมเป็นฐานประกอบคําอธิบาย "ดสนใจด้วยตนเอง ปรัชญาส่วนบุคคล
ขั้นตอนที่ 3 การยืนยันความถูกต้องและการใช้ข้อมูลใหม่
ผู้เรียนได้รับข้อมูลเพื่อสร้างองค์ความรู้
 ความรู้ใหม่ที่สร้างขึ้นของคนส่วนใหญ่สร้างขึ้นจากการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
ความรู้ถูกทําให้กระจ่างและยืนยันความถูกต้องเมื่อผู้เรียนนําความรู้ใหม่ไปปา อามผู้เรียน สถานการณ์
กลวิธีสําหรับขั้นตอนที่ 3
·       การเรียนรู้แบบร่วมมือ สร้างความเข้าใจและแสดงออกในรูปการใช้โมเดล
ช่วยในการสร้างความเข้าใจ และยังสาธิตมโนทัศน์ของความเข้าใจ หลักการ วมมืออย กระบวนการที่เป็นเลิศเทคนิคที่ใช้ในการแสวงหาความรู้และการยืนยันความถูกต้องของความรู้
·       การทดลอง/ การออกแบบและเทคโนโลยี
ใช้สืบเสาะหาความรู้เป็นฐาน
·       วิธีการแบบบูรณาการ
สร้างความเชื่อมโยงระหว่างหัวข้อ คําถามและแนวคิดอื่นๆ