KSA



ความหมายของการพัฒนาและฝึกอบรม

            การพัฒนา (Development) หมายถึง การดำเนินการส่งเสริมให้บุคลากรมีความรู้ ความสามารถ ทัศนคติ และประสบการณ์เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานในตำแหน่งปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมที่ก้าวหน้า เติบโตไปในอนาคต
การฝึกอบรม (Training)

            กระบวนการ หรือกิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างเป็นระบบเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ทักษะ ความสามารถ ทัศนคติ และประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายขององค์การ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
            - นโยบายด้านทรัพยากรมนุษย์ขององค์การ
            - ความเป็นผู้นำของฝ่ายบริหาร
            - ทรัพยากร
            - การจูงใจ
            - การจูงใจภายนอก (เงินเดือน สวัสดิการ)
            - การจูงใจภายใน (ความภาคภูมิใจ ความรับผิดชอบ ตำแหน่งงาน โอกาสก้าวหน้า)
            - การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม
แนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
1.การพัฒนาให้มีประสบการณ์จากการปฏิบัติงาน
            - กำกับ แนะนำ ให้คำปรึกษา
            - ฝึกทักษะ เพิ่มความรับผิดชอบ พัฒนาเป็นผู้นำ ผลักดันให้เติบโตมีตำแหน่งสูงขึ้น
            - จัดแผนให้พัฒนาตนเองตลอดเวลา
            - โยกย้ายไปสู่งานใหม่ เปิดโอกาสให้แสดงความสามารถ
2.การพัฒนานอกหน้าที่งาน ไม่เกี่ยวข้องกับงานประจำ
            - ทักษะการเข้าสังคม การพัฒนาบุคลิกภาพ การสร้างมนุษยสัมพันธ์ ทักษะการจัดการ พัฒนาด้านจิตใจ ภาษา ฯลฯ
ประเภทของการฝึกอบรม
1.การฝึกอบรมก่อนเข้าทำงาน
            - การปฐมนิเทศ (แนะนำบุคลากรใหม่ให้รู้จักหน่วยงาน)
            - การฝึกอบรมพนักงานใหม่ (วิธีการทำงาน ลักษณะการทำงาน วิธีปฏิบัติงาน) 
2.การอบรมเมื่อเข้าทำงาน
            - การพัฒนางาน (วิธีการทำงาน เครื่องมือใหม่ๆ)
            - การบริหาร (เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น)
3.การฝึกอบรมเมื่อพ้นจากการทำงาน แนะนำเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ งานอดิเรก การปรับตัว
กระบวนการฝึกอบรม
1.การพิจารณาความต้องการ การฝึกอบรม
            - การวิเคราะห์องค์การ ภารกิจขององค์การตั้ง ลบด้วยความรู้ความสามารถของพนักงาน
            - วิเคราะห์การทำงาน ทักษะที่จำเป็นต้องปรับปรุง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่นด้านภาษา เทคนิคการใช้โปรแกรม
            - วิเคราะห์ตัวบุคคล การศึกษา ประสบการณ์ทัศนคติ แรงจูงใจ สุขภาพร่างกาย 
การกำหนดเป้าหมายของการฝึกอบรม 
การตั้งเป้าหมาย โดยใช้หลัก KSA
            - Knowledge ความรู้
            - Skill ทักษะ ความชำนาญ
            - Attitude ทัศนคติ
Knowledge
            - ความรู้ คือ รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร และจดจำได้
            - ความเข้าใจ คือ รู้ในเหตุและผลของสิ่งที่ได้รู้ สามารถอธิบายขยายความได้อย่างถูกต้อง
            - การนำไปใช้ คือ นำสิ่งที่รู้ไปใช้ได้ในสถานการณ์จริง
            - การวิเคราะห์ คือ การแยกแยะให้เห็นองค์ประกอบ และจัดลำดับความสัมพันธ์ได้
            - การสังเคราะห์ คือ การจัดเรียบเรียงเป็นองค์ประกอบใหม่
            - การประเมินค่า คือ การตัดสินคุณค่าตามเกณฑ์ที่กำหนดได้
การเพิ่มพูนความรู้ (HEAD) เช่น
            บุคลากรขาดความรู้ หรือมีความรู้ไม่เพียงพอ (Knowledge) 
            ขาดความเข้าใจ (Understanding) 

SKILL
ทักษะ ความชำนาญในการทำงาน เริ่มตั้งแต่
            - การจัดลำดับความสำคัญของงาน
            - การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า
            - การเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจได้
            - การเคลื่อนไหวของร่างกายและความคล่องแคล่ว
            - สามารถปฏิบัติงานได้ถูกต้อง
            - มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำเองได้
            - ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพใช้เวลาน้อยลง
ความสามารถในการลงมือปฏิบัติ (Hand) เช่น
บุคลากรขาดทักษะที่จำเป็น (Skill) ไม่มีความชำนาญในงาน ไม่ได้รับการฝึกฝน ทำงานไม่เป็น
ATTITUDE
ทัศนคติ เพื่อให้เกิดแรงจูงใจ มีขวัญกำลังใจที่ดีในการทำงาน
            - การเสริมสร้างความรู้สึกที่ดี
            - ความพึงพอใจในงาน
            - ความมีคุณค่า คุณธรรม
            - ความมีมนุษยสัมพันธ์
            - ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
            - ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
            - ความมีวินัยต่อตนเอง และคิดบวก
ทัศนคติ(Heart) เช่น
บุคลากรมีทัศนคติเชิงลบ (Attitude) ไม่พัฒนาตัวเอง ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานต่ำกว่ามาตรฐาน


กำหนดเป้าหมายที่ดีด้วยหลัก SMART

            - Simple & Specific : ง่ายและเจาะจง เช่น “สามารถประกอบโทรทัศน์ได้” “สามารถอธิบายวิธีทำได้” 
            - Measurable : วัดผลได้ เช่น “ผู้เข้ารับการอบรมทำแบบทดสอบได้ไม่น้อยกว่า 80%” “มีความผิดพลาดไม่เกินร้อยละ 10”
            - Attainable : สามารถบรรลุผลได้ อยู่พื้นฐานของความเป็นจริง มีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นหลังจากอบรม ด้วยวิธี “pretest-posttest”
            - Results : กำหนดผลลัพธ์ได้ ทั้งในเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ
            - Time limit : กำหนดระยะเวลาว่ามากน้อยเท่าใดจึงจะวัดทักษะ พฤติกรรมที่ได้เรียนรู้ บรรลุผลตามเป้าหมายได้
            - Shared : แจ้งให้ผู้อื่นทราบถึงเป้าหมาย กระตุ้นความพยายามที่ต้องทำให้สำเร็จ
การกำหนดเนื้อหาการฝึกอบรม
วิธีการเลือกเนื้อหา
            - ให้คณะกรรมการตัดสินขอบเขตเนื้อหา หลักสูตร
            - วิเคราะห์วัตถุประสงค์
            - ทดลองร่างเนื้อหา
            - ใช้ความเห็นของคนส่วนใหญ่ว่าควรฝึกอบรมเรื่องใด ตามความสำคัญ ก่อน-หลัง
รูปแบบการจัดเนื้อหา
            - ยึดเอาสาขาวิชา เนื้อหาวิชาเป็นหลัก
            - ยึดเอาความต้องการและความสนใจของผู้เข้าอบรม
            - ยึดเอากิจกรรม และปัญหาขององค์การเป็นหลัก
            - ยึดเอาสมรรถภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ
            -หลักการจัดเนื้อหา เรียงลำดับเนื้อหาตามหัวข้อวิชาจากง่ายไปหายาก ตามความจำเป็น ภาพรวมไปสู่ภาพย่อย
            -การเลือกเนื้อหา
            - ความน่าเชื่อถือ
            - สอดคล้องกับความเป็นจริง
            - มีความสมดุล
            - ตอบสนองตามวัตถุประสงค์
            - สอดคล้องกับวุฒิภาวะ และประสบการณ์
            - สอดคล้องกับความต้องการและความสนใจ
            -การกำหนดวิธีการ และการใช้สื่อในการอบรม

เทคนิคและวิธีการที่เหมาะสม ซักซ้อม ทดสอบความพร้อมก่อนทำการฝึกอบรม
            -การดำเนินการฝึกอบรม
กิจกรรมปรับสภาพ เตรียมพร้อมผู้เข้าอบรม ละลายพฤติกรรม
นำเสนอเนื้อหาภายในเวลาที่กำหนด
ผสมผสานเนื้อหา กระตุ้นให้เกิดแนวคิดในการนำไปประยุกต์ใช้
ประเมินผลระหว่างการฝึก และหลังการฝึกอบรม
จดบันทึกกิจกรรมที่เกิดขึ้น

การประเมินผลและติดตามผล
            - ก่อนการฝึกอบรม เช่น ประเมินความจำเป็น ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ งบประมาณ หลักสูตร กลุ่มเป้าหมาย
            - ระหว่างการฝึกอบรม เช่น กระบวนการฝึกอบรม เทคนิค วิธีการนำเสนอ เนื้อหา โดยใช้วิธีประเมินปฏิกิริยา ความพึงพอใจ และการเรียนรู้
            - หลังการฝึกอบรม สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามวัตถุประสงค์ เช่น พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ผลลัพธ์ของงานดีขึ้น



เทคนิคการฝึกอบรม
            - การบรรยาย เป็นวิธีถ่ายทอดความรู้ โดยบอกเล่าเหตุการณ์ ชี้แจง ขยายความ อธิบายเนื้อหา ให้ความรู้ ข้อมูล ข้อเท็จจริง ประสบการณ์ หรือเรื่องราวต่างๆ ที่ผู้อบรมจะได้เนื้อหาสาระมากและครบถ้วนตามความต้องการของวิทยากร ลักษณะของการบรรยาย
วิทยากรนำเสนอความรู้ เนื้อหาสาระ ประสบการณ์ตามหัวข้อที่ได้รับมอบหมายโดยใช้สื่อ เช่น รูปภาพ แผ่นใส สไลด์ วีดิโอ
            - การประชุม เป็นการบรรยายเชิงวิชาการ มีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 2-6 คน แต่ละคนจะบรรยายเฉพาะหัวข้อที่ตนเองเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ 
มีพิธีกรเป็นผู้ดำเนินรายการ เชื่อมโยงระหว่างผู้เข้าอบรม สรุปประเด็นสำคัญของวิทยากรแต่ละคน พิธีกรจะรวบรวมคำถามและถามแทนผู้เข้าอบรม
            - การประชุมเชิงปฏิบัติการ เป็นการประชุมของผู้ปฏิบัติงานที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องเดียวกัน หรือมีตำแหน่งเดียวกัน ประสบปัญหาเหมือนกัน ต้องการที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ถ่ายทอดความรู้ และค้นหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน
            - การแสดงบทบาทสมมุติ
            - กรณีศึกษาช่วยให้ผู้อบรมได้ประยุกต์ใช้ทฤษฎีในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง นำเหตุการณ์ต่างๆมาศึกษา วิเคราะห์ อภิปราย วิจารณ์ ตัดสินใจ หาข้อสรุป หรือแก้ปัญหาร่วมกัน
            - การสาธิตเป็นการแสดงหรือลงมือกระทำ เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เห็นการปฏิบัติจริง เหมาะสำหรับเนื้อหาที่ไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้โดยง่าย มีลักษณะคล้ายสอนงาน นิยมใช้กับหัวข้อวิชาที่มีการปฏิบัติร่วมกับการบรรยาย เช่น การฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆ ในการทำอาหาร
            - การสัมมนา

การฝึกอบรมขณะปฏิบัติงาน
            - การสอนงาน
ฝึกอย่างต่อเนื่อง
สังเกตการณ์และการประเมินผล
รับรองผลการปฏิบัติงาน
ผู้สอนให้คำแนะนำ
ให้กำลังใจ
            - การหมุนเวียนงาน
            - การฝึกงาน
การเตรียมพร้อม
การเปิดชั้นเรียน
การนำเสนอ
การฝึกทักษะและการประเมินผล
การทบทวน

การใช้โสตทัศนูปกรณ์
การใช้โปรแกรมการเรียนรู้
การอบรมโดยสร้างสถานการณ์จำลอง
ทัศนะศึกษา

การฝึกอบรมที่ประสบความสำเร็จ
            -เน้นมนุษยสัมพันธ์
            -ความรับผิดชอบของกิจการ
            -ความต่อเนื่อง
            -การมีจุดประสงค์อันหลากหลาย