แบบการสอน
แบบการสอน (Styles
of teaching) เป็นการแสดงคุณค่าของครูแต่ละคน
เป็นปัจจัยส่วนบุคคลที่ ท้าให้ครูคนหนึ่งแตกต่างไปจากครูคนอื่นๆ
ประกอบด้วยการแต่งกาย ภาษา เสียง กริยาท่าที่ ระดับพลัง การแสดงออกทางสีหน้า
แรงจูงใจ ความสนใจในบุคลอื่น ความสามารถในการแสดงเชาว์ปัญญาและความคง แก่เรียน
ครูมีความพร้อมที่จะปรับสไตล์การอนแบบใดแบบหนึ่ง
โดยครูสอด หรือไม่ก็ได้ เสมือนผู้ช่วยเหลือ ผู้กวดขันวินัย นักแสดง เพื่อน
ภาพลักษณ์ของพ่อหรือแม่ ผู้ปกครองที่มีอำนาจ จิตรกรพี่ชายใหญ่หรือพี่สาวใหญ่หรือแสดงหรือเป็นตัวอย่างของรูปแบบการสอน
สไตล์การสอนเป็น
ครูที่มีเสียงสูงและเสียงแบนจะมีความยากในการใช้วิธีสอนแบบบรรยาย
ครูที่แต่งเครื่องแบบภาควิชา
ท่าทางที่เป็นทางการจะสามารถจัดการกับห้องเรียนที่อีกทึกได้
ครูที่ขาดความเชื่อมั่นในทักษะการจัดอง อาจจะรู้สึกไม่ชอบใจกับความเป็นอิสระอย่างไม่มีขอบเขตของผู้เรียนไม่ชอบใจกับการอภิปรายชนิดที่เป็น
ปลายเปิด
และถ้าครูระดับต่ํามีแนวจูงใจต่ําที่จะปฏิเสธการอ่านเรียงความหรือรายงานประจําภาคของผู้เรียน
อย่างระมัดระวังแล้ว วิธีเช่นนี้จะมีประโยชน์น้อยมาก
ครูที่มีใจชอบความคงแก่ผู้เรียน
ชอบที่จะรวมเอาวิธีสอนหลากหลายที่ได้จากผลการวิจัยมาน ความ
ให้ความสนใจกับประชาชนจะเลือกวิธีสอนที่ครูและนักเรียนมีปฏิสัมพันธ์กันและนักเรียนไม่เพียงแต่จะ
ปฏิสัมพันธ์กับคนทั่วๆ ไปทั้งในและนอกโรงเรียนด้วย
ครูที่มีความเชื่อมั่นกับงานของตนเอง
จะเชื้อเชิญให้ผู้อื่นมาเยี่ยมชมชั้นเรียนจะใช้ทรัพยากรบุคคล โสตทัศนูปกรณ์
วีดีทัศน์ เป็นกิจกรรมในชั้นเรียน ครูที่มีความเป็นประชาธิปไตยจะออกแบบกิจกรรมการ
เรียนการสอนที่ยอมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
ครูบางคนปฏิเสธที่จะใช้โสตทัศนูปกรณ์
เพราะรู้สึกว่าไม่มีสมรรถนะเพียงที่จะใช้เครื่องมือ และ
เจตคติว่าการใช้สื่อทําให้เสียคุณค่าของเวลา
แบบการสอนของผู้สอน
มีความสัมพันธ์บางอย่างกับแบบการเรียนรู้ของผู้เรียน ดังที่กล่าวมาแล้ว ผู้เรียนบางคนมีความสามารถในการแสดงออกด้วยการพูดดีกว่าการเขียน
บางคนสามารถที่จะเข้าใจเกี่ยวกับ เรื่องของนามธรรม ในขณะที่คนอื่นๆ
เพียงแต่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยสิ่งที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น บางคน
ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการใช้เทคนิคการฟังและการดูมากกว่าการอ่าน บางคนสามารถทํางานมาก
ความกดดันได้ ผู้เรียนที่มีแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างในแบบการสอนด้วย
ในความจริงแล้วจ้า มากขึ้นเท่าไรความแตกต่างของผู้เรียนยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
ผู้สอนต้องรับรู้ว่าแบบการสอนสามารถให้การ
กระทบอย่างแรงกล้าต่อสัมฤทธิ์ผลของผู้เรียน แบบการสอนแต่ละครั้งสามารถที่จะผสมผสานให้เข้ากับจุดหมายของผู้เรียนได้
แบบการสอนไม่สามารถเลือกในลักษณะเดียวกันกับการเลือกกลวิธีการสอนได้
แบบการสอนไม่ใช่สิ่งที่พร้อมที่จะเปิดปิดสวิตซ์ได้
ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายที่จะเปลี่ยนการมุ่งงานไปเป็นการมุ่งให้ผู้เรียนเป็น ศูนย์กลาง
เรื่องทํานองนี้เป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะทําได้ เหนือสิ่งอื่นใด
ผู้สอนที่ไม่มีการตื่นเต้นทางอารมณ์
เป็นผู้สอนที่มีความตื่นเต้นทางอารมณ์ได้หรือไม่
มีคําตอบอยู่สองคําถามเกี่ยวกับแบบการสอนว่า การเปลี่ยนแบบการสอนได้หรือไม่
และผู้สอนควรเปลี่ยนแบบการสอนหรือไม่ บางที่จะพบว่า คําถามที่ยิ่งใหญ่ คือ
ผู้สอนควรเปลี่ยนแปลงแบบการสอนหรือไม่ มีคําตอบอยู่สาม
ถามที่ตั้งสมมติฐานไว้ก่อนว่าผู้สอนสามารถเปลี่ยนแบบการสอนได้ คือ ประการแรก
แนวคิดที่ว่า แบบการสอนตรงกับแบบการเรียนรู้ของผู้เรียน
จึงได้มีความพยายามที่จะวิเคราะห์แบบการสอนและแบบ
คนรู้ของผู้เรียนอย่างถูกต้องสมควร
และจัดกลุ่มผู้เรียนและผู้สอนที่มีแบบการเรียนและแบบการสอนที่สอดคล้องกัน
ประการที่สอง ตามแนวความคิดที่ว่า
มีคุณความดีบางอย่างในการที่จะเผยให้ผู้เรียนทราบถึงแบบ
การเรียนรู้ของบุคคลที่มีความหลากหลายแตกต่างกันอย่างมากในระหว่างที่พบเห็นในโรงเรียน
เพื่อให้ผู้เรียนจะได้เรียนรู้การปฏิสัมพันธ์กับบุคคลในแบบต่างๆ
แม้ว่าผู้เรียนบางคนอาจจะชอบมากกว่าที่จะให้มี โครงสร้างแต่เพียงเล็กน้อย
ไม่เป็นทางการ ใช้วิธีการผ่อนคลายในขณะที่อยู่ในโรงเรียน ผู้เรียนที่จบจาก
มัธยมตอนปลายที่มุ่งงาน และผู้สอนที่ยึดวิชาเป็นศูนย์กลางจะเป็นคนที่เรียกว่า
เท้าอุ่น จะมีหลัก มีความ มั่นคงช่วยให้ประสบผลสําเร็จ
ประการที่สามต่อคําถามว่า
ผู้สอนควรจะเปลี่ยนแบบการสอนหรือไม่ มีแนวคิดว่า ครูควรจะ ยืดหยุ่น
ใช้แบบการสอนให้มากว่าหนึ่งแบบ หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่าหลากวิธีการสอนให้ผู้เรียนกลุ่ม
เดียวกัน
หรือกับผู้เรียนต่างกลุ่มกันคําตอบนี้รวมถึงลักษณะของการตอบประการแรกประการที่สองด้วย
ผู้สอนจะมีหลากหลายแบบการสอนสําหรับกลุ่มผู้เรียนพิเศษด้วยสัญลักษณ์ที่เหมือนกัน
ถ้าผู้สอนสามารถทํา ได้ ทําให้ผู้เรียนพบกับแบบการสอนที่หลากหลายของผู้สอน
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ที่รับเลือกต้องอนุโลมให้มี
แบบการสอนที่สามารถเรียนแบบได้ด้วย นั่นคือ เหตุผลที่แสดงว่า
ทําไมเป็นเรื่องสําคัญสําหรับผู้สอนที่ต้องรู้ ว่าผู้เรียน เป็นใคร เป็นอะไร
และเชื่อถืออะไรบ้าง ดันน์และดันน์ ได้กล่าวว่า เกี่ยวกับผลของเจตคติความเชื่อ
ของครูต่อแบบการสอนว่า
เจตคติของครูต่อโปรแกรมการเรียนการสอน
วิธีการสอนและแหล่งวิทยาการที่หลากหลาย คลอดจนลักษณะของเด็กๆ
หรือผู้เรียนที่ผู้สอนชอบทํางานด้วยผสมผสานหลอมหล่อกันเป็นส่วนหนึ่งของ
“แบบการสอน” อย่างไรก็ตามมีความจริงอยู่ว่า ผู้สอนบางคนเชื่อในรูปแบบของการเรียนการสอนพิเศษซึ่งไม่ใช่การปฎิบัติอื่นๆ
พืชเชอร์และฟิชเชอร์
ได้บ่งชี้แบบการสอนที่ประกอบด้วย การรอบรู้ภาระการงาน การ การร่วมมือกัน
การให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และการให้ความตื่นเต้นทางอารมณ์และเป็นแบบอย่าง
การมุ่งงาน
ครูจะกําหนดสิ่งที่ต้องการเรียนรู้และบอกถึงความต้องการในการปฏิบัติงา. นักเรียน
การเรียนที่จะประสบผลสําเร็จอาจจะเฉพาะเจาะจงไปที่พื้นฐานของนักเรียนแต่ละคน
และมีระ จะให้นักเรียนแต่ละคนเป็นไปตามความคาดหวังอย่างชัดเจนมั่นคง
การวางแผนการร่วมมือกัน
ครูร่วมกันวางแผนวิธีการและจุดหมายปลายทางของการเรียนการ
ด้วยความร่วมมือของนักเรียน ครู ไม่เพียงแต่จะรับความคิดเห็นเท่านั้น
แต่ครูต้องกระตุ้นให้การสนับสน การมีส่วนร่วมของนักเรียนทุกระดับชั้นด้วย
การให้นักเรียนเป็นจุดศูนย์กลาง
ครูจัดหาจัดเตรียมโครงสร้างต่างๆ สําหรับนักเรียนเพื่อให้ติดต แสวงหาความรู้ตามที่ต้องการหรือตามความสนใจ
สไตล์แบบนี้ไม่เพียงแต่จะพบว่ามีน้อย แต่เกือบจะเป็นไป
ไม่ได้ที่จะจินตนาการให้เป็นไปตามที่คาดหวัง
เพราะว่าชั้นเรียนที่มีอัตราส่วนระหว่างนักเรียนกับครู และ
นักเรียนกับสิ่งแวดล้อมในความรับผิดชอบจะกระตุ้นส่งเสริมความสนใจของนักเรียนบางคน
และทําให้นักเรียนบางคนเกิดความท้อแท้ใจ
การให้เนื้อหาวิชาเป็นศูนย์กลาง
วิธีการนี้ครูจะเน้นไปที่เนื้อหาวิชาที่จัดไว้ดีแล้ว โดยกับผู้เรียน ออกไป
และคิดว่าเนื้อหาวิชาที่จัดนั้น
ครอบคลุมรายวิชาครูจะพึ่งพอใจแม้ว่าการเรียนรู้จะเกิดขึ้นน้อย
การให้การเรียนรู้เป็นศูนย์กลาง
วิธีการนี้ครูจะให้ความสําคัญเท่าๆ กันระหว่างนักเรียนและ จุดประสงค์ของหลักสูตร
ตลอดจนสิ่งที่จะใช้ในการเรียน ครูจะปฏิเสธการเน้นอย่างมากเกินไปทั้งในด้าน
การให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
และการให้เนื้อหาเป็นศูนย์กลางแทนการช่วยเหลือนักเรียน โดยไม่คํานึงว่า นักเรียนมีความสามารถหรือไม่มีความสามารถ
เพื่อที่จะพัฒนาไปสู่เป้าประสงค์ที่มีความเป็นไปได้ให้ดีเท่าๆ
กับอิสรภาพในการเรียนรู้ของนักเรียน
ให้มีการตื่นเต้นทางอารมณ์และเป็นแบบอย่าง
วิธีการนี้ครูจะแสดงอารมณ์ที่เกี่ยวกับการสอนอย่างเข้มข้นครูจะเข้าไปอยู่ในกระบวนการสอนอย่างใจจดใจจ่อ
และโดยปกติแล้วจะก่อให้เกิดบรรยากาศของชั้นเรียนที่ตื่นเต้นและมีอารมณ์ร่วมสูง
ไม่มีข้อสงสัยเลยที่จะพบว่าประเภทของการสอนบางอย่างชวนให้ใช้และได้รับการยอมรับมากกว่าประเภทอื่น
ๆ เราอาจจะบ่งชี้ได้ว่าการสอนบางประเภทเป็นลบ
(ตัวอย่างคือ พฤติกรรมที่ไม่เป็นประชาธิปไตย) บางประเภทเป็นบวก
(เช่นการคำนึงถึงนักเรียน) เราซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตคงจะยอมรับประเภทของการสอนซึ่งเป็นแบบอย่างของตนดังที่ฟิชเชอร์และฟิชเชอร์ได้กล่าวว่า
เราไม่ได้พิจารณาว่าสไตล์การสอนและการเรียนรู้ทั้งหมดมีความเหมาะสมเท่าเทียมกันมีอยู่บ่อยครั้งที่การสอนนั้น
ๆ เป็นสิทธิของการปฏิบัติที่ไม่สามารถจะโต้แย้งได้“ เอาล่ะนั้นมันเป็นวิธีการของผม
/ ฉัน ผมมีวิธีการของผม
คุณมีวิธีการของคุณ และแต่ละวิธีการก็ดีเหมือน ๆ กับวิธีการอื่น ๆ” ...ถ้าทุกควมคิดของวิธีการนั้น ๆ อยู่บนพื้นฐานของความผูกพันต่อการเรียน การสอนรายบุคคลและพัฒนาการของอิสรภาพคนเราไม่ยอมรับการสอนประเภทที่ส่งเสริมการบังคับให้ปฏิบัติตามและขึ้นอยู่กับผู้อื่น
(Filler and เct. 1976 1 409 4101)